ลดภาวะความเครียดจากปัจจัยต่างๆ 2. ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นประสาทหรือความดันชนิดต่างๆ เช่น เหล้า กาแฟ บุหรี่ เป็นต้น 3. หลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่อาจกระตุ้นภาวะความเครียด เช่น อากาศร้อน บริเวณที่มีเสียงดัง บริเวณที่คนแออัด เป็นต้น 4. รับประทานอาหารจำพวกผักผลไม้เพิ่มขึ้น และลดอาหารประเภทแป้งหรือไขมันที่เป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในเส้นเลือด 5. ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเค็มหรือมีรสจัดต่างๆ 6. มั่นออกกำลังกายหรือการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ภาวะโรคแทรกซ้อน 1. มักเกิดภาวะความดันโลหิตสูงร่วมด้วย จากความเครียดที่เกิดบ่อยครั้ง 2. ร่างกายอ่อนแอมีภาวะเจ็บไข้ได้ป่วยแทรกซ้อนบ่อยครั้ง เช่น ไข้หวัด 3. เกิดภาวะเสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองแตก 4. เกิดภาวะการเสื่อมของระบบประสาทการได้ยิน เช่น หูอื้อถาวร หูหนวก เป็นต้น
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นโรคที่เราได้ยินกันมานาน และพบได้ในหลายๆ คน น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร รวมถึงรู้ว่ามีอันตรายอย่างไรบ้าง เพื่อการดูแลตนเอง และเป็น แนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ด้วย วันนี้ DIY INSPIRE NOW จึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับโรคนี้มาฝากกัน ว่า สาเหตุน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการที่พบ วิธีรักษาและป้องกันนั้น มีอะไรบ้างค่ะ สาเหตุน้ำในหูไม่เท่ากันคืออะไร? Image Credit: เคยไหม?
ธีรพันธ์ ใจบุญ แพทย์โสตศอนาสิก (หู คอ จมูก) โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
เผยแพร่ครั้งแรก 6 ก. พ. 2018 อัปเดตล่าสุด 29 มี. ค. 2021 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's disease) เป็นความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อหูชั้นใน ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินเสียงและการทรงตัว โรคน้ำในหูไม่เท่ากันทำให้ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน อีกทั้งยังนำไปสู่การเกิดปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินเสียงและการมีเสียงดังกังวานภายในหู อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมักเกิดขึ้นกับหูเพียงข้างเดียว และมีแนวโน้มที่จะพบในคนที่มีอายุ 40-60 ปี แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1235 บาท ลดสูงสุด 7400 บาท จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เจอแล้ว วิธีรักษาเซ็บเดิร์มให้หายแบบง่ายๆ โดยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ สุดทึ่ง!!
: 038-317-333 ต่อ 2347, 2348 หรือ 086-3681247
กรรมพันธุ์ มีโครงสร้างหูชั้นในผิดปกติ แต่กำเนิด 2. โรคภูมิแพ้ 3. การติดเชื้อไวรัส, หูชั้นกลางอักเสบ, หูน้ำหนวก, ซิฟิลิส 4. ประวัติเคยประสบอุบัติเหตุที่ศีรษะ 5. โรคทางกาย เช่น เบาหวาน, ไทรอยด์, ไขมันในเลือดสูง อาการของโรค 1. อาการเวียนศีรษะ อาการเกิดขึ้น ทันทีทันใด อยู่เฉยๆ ก็เป็นขึ้นมาและคงอยู่นาน เกินกว่า 20 นาที (บ่อยครั้งที่เป็นนานหลายชั่วโมง) และอาจรุนแรง แต่ไม่ทำให้หมดสติ หรือเป็นอัมพาต นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก, คลื่นไส้, อาเจียน 2. การได้ยินลดลง ขณะมีอาการเวียน ศีรษะ ซึ่งระยะแรกอาจเป็นๆ หายๆ การได้ยินมักจะดีขึ้นเมื่ออาการเวียนศีรษะหายไป แต่ถ้าเป็นซ้ำ ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง การได้ยินมักจะเสื่อมลงเรื่อย ๆ และไม่กลับคืนมา จนหูตึงได้ 3. หูอื้อ เสียงดังในหู ซึ่งเกิดขึ้นในหูข้าง ที่ผิดปกติ อาจเป็นตลอดเวลา หรือเฉพาะเวลาเวียนศีรษะก็ได้ 4. อาการหนักๆ หน่วงๆ ในหู คล้าย มีแรงดันในหู บางคนอาจบอกว่าปวดหน่วง ๆ ความถี่ของอาการแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นปี ละครั้ง บางคนเป็นหลาย ๆ เดือนครั้ง ไม่แน่นอน การวินิจฉัย การซักประวัติอย่างละเอียด และการตรวจร่างกายจะช่วยในการวินิจฉัย ถ้าคนไข้มาด้วยอาการครบ 3-4 อย่าง ดังกล่าวก็มักให้การวินิจฉัย ซึ่งพบว่า 50% เท่านั้น ที่มีอาการเด่นชัด ในกรณีที่อาการไม่ชัดเจน ก็จำเป็นต้องอาศัยการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการวินิจฉัย ดังนี้ 1.
อันตรายหรือไม่?
แนะนำดีมาก น้ำในหูไม่เท่ากันต่างกับโรคบ้านหมุนยังไง รวมคำแนะนำและการอธิบายจากแพทย์ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญ อาการบ้านหมุน กับอาการน้ำในหูไม่เท่ากันนั้น เป็นอาการที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าคือ โรคเดียวกัน ทั้งที่ความจริงมีความแตกต่างกัน ทางรามาแชนแนล จึงได้ติดต่อไปยัง อ. พญ. นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากยิ่งขึ้น ทั้ง 👉 สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค 👉 ความแตกต่างระหว่างบ้านหมุนและน้ำในหูไม่เท่ากันเป็นยังไง 👉 แล้วถ้าเป็นขึ้นมาสามารถรักษาได้มั้ย อยากรู้ไม่ต้องรอกดดูได้เลย น้ำในหูไม่เท่ากันต่างกับโรคบ้านหมุนยังไง