ถ้าเป็นการคันแบบนานๆ ครั้ง แนะนำว่าควรจะใช้วิธีการกดขยี้บริเวณติ่งกระดูกอ่อนหน้าหู จะดีกว่าการใช้ไม้พันสำลีหรือไม้แคะหูเข้าไปปั่นในรูหู เพราะการปั่นหูนอกจากจะก่อให้เกิดการติดเป็นนิสัยแล้ว วันดีคืนร้ายหากเผลอปั่นแรงเกินไป จะก่อให้เกิดแผลถลอก และมีการอักเสบติดเชื้อขึ้นได้ เมื่อถึงเวลานั้นผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดหูซึ่งทรมานกว่าคันหู 2. พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองรูหูภายใน 3. เวลาอาบน้ำสระผม ระวังมิให้น้ำเข้าหู อาจใช้วิธีนำสำลีหรือฟองน้ำอุดหูกันน้ำเข้า 4. ไม่ควรใช้ไม้สำลีปั่นหูทุกครั้งที่อาบน้ำหรือสระผมเสร็จ (บางคนทำทุกครั้งหลังอาบน้ำ ขอความกรุณาเลิก! ) 5. ถ้ารำคาญน้ำที่ขังอยู่ในช่องหูเมื่ออาบน้ำเสร็จ ให้ใช้วิธีเอียงและตะแคงศีรษะเพียงเล็กน้อย น้ำก็จะสามารถไหลออกมาได้เอง เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความเคยชิน หัดตัวเองเสียใหม่ก็จะเลิกปั่นหูได้ บางคนไม่ทำอะไรเลย แต่ก็พบว่าในระยะเวลาไม่นานน้ำที่ขังอยู่จะระเหยหายไปเองในที่สุด 6. ถ้าเป็นการคันหูเรื้อรัง เป็นทุกวันและคันมาก ขั้นตอนแรกอาจพิจารณาก่อนว่า เราติดนิสัยการปั่นหูหรือไม่ ให้พยายามหยุดการปั่นหูทันที เรื่องแบบนี้เหมือนการติดบุหรี่ ให้ใช้วิธีหักดิบไปเลยจะดีกว่า 7.
November 02, 2017 08:46 ตอบโดย นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ. )
" ระยะหลังคลอด " แน่นอนว่าย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากการตั้งครรภ์หลายอย่าง สร้างความกังวลใจให้คุณแม่หลังคลอดจนขาดความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น อาการผิวแห้งขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำไม่สดใส ผิวแตกลาย รวมถึงผิวหย่อนคล้อย การดูแลผิวหลังคลอดอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดกลับมามีผิวสวยสุขภาพดีได้อีกครั้ง THANN พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง จึงมาแนะนำ " วิธีฟื้นฟูผิวสวย อย่างสุขภาพดีสำหรับคุณแม่หลังคลอด" และมีเซเลบริตี้สาวคุณแม่มือใหม่มาร่วมเผยวิธีการดูแลสุขภาพผิวตามแบบฉบับตนเอง อาทิ ชมพูนุท โรจน์ศิริรัตน์, ดร.
6 กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง (Chronic Laryngitis) การใช้เสียงเยอะเกินไป เช่นการพูดหรือร้องเพลงตลอดทั้งวัน, การออกเสียงผิดวิธี อาจทำให้เส้นเสียงบาดเจ็บเรื้อรัง จนไอและ เจ็บคอ เรื้อรังได้ บางรายอาจพบว่า มีก้อนเนื้อผิดปกติ (Vocal polyps, Vocal nodules) บริเวณเส้นเสียงร่วมด้วย 2. 7 เนื้องอกของคอและกล่องเสียง โรคนี้ถือว่ามีความอันตรายเป็นอย่างมาก อาจเริ่มจากเจ็บคอเหมือนหวัดธรรมดา จากนั้นเริ่มกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ, กลืนน้ำลายแล้วปวดร้าวไปที่หู, กลืนลำบาก, เสมหะปนเลือด, ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น บางรายอาจพบก้อนรูปร่างผิดปกติ ปูดขึ้นมาจากผิวหนังบริเวณลำคอได้ 2. 8 มีสิ่งแปลกปลอมติดคอ บางคนอาจทานอาหาร แล้วมีสิ่งแปลกปลอมอย่างก้างปลา ติดในเยื่อบุคอ, โคนลิ้น หรือทอนซิล แต่ไม่ได้นำออก เมื่อเวลาผ่านไป อาจเริ่มมีอาการระคายคอ ไอแห้ง ๆ และเจ็บคอเรื้อรังในที่สุด 3. ดูแลตัวเองเบื้องต้นแบบไหน หากเจ็บคอเรื้อรัง?
ก. )
คุณสามารถหลีกเลี่ยงการตดได้ โดยการพยายาม ลดการกินอาหารที่มีสารซัลเฟอร์ ซึ่งก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่น เช่น ถั่ว หัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ นม แป้งข้าวโพด ผักกาดหอม ฯลฯ และถ้าหากคุณไม่ต้องการตดบ่อยจนเกินไปแล้วละก็ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการสะสมแก๊สจำนวนมากในระบบทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวหมากฝรั่ง การกินอาหารเร็วเกินไป หรือการดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น "Expert ดีดี" โควิด-19 ไอ หวัด ปวดท้อง ภูมิแพ้ อย่าปล่อยให้เรื้อรัง ปรึกษาฟรี คลิกเลย! ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook: GEDGoodLife Nutroplex: nutroplexclub Twitter: @gedgoodlife Line: @gedgoodlife Youtube: GEDGoodLife ชีวิตดีดี
สะอึก ฮึก! ใคร ๆ ก็เคยเป็นกันทั้งนั้น และแม้ว่า อาการสะอึก จะไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือทรมานอะไรมาก แต่ก็ทำให้เสียบุคคลิกภาพเวลาอยู่ในสังคมพอสมควร งั้นมาดูกันสิว่า จริง ๆ แล้ว อาการสะอึกเกิดจากอะไร และควรทำยังไง ถึงจะหาย? อาการสะอึก เกิดจากอะไร?
'อาการโควิด' ต่างจากอาการไข้อื่นๆ ยังไง? เช็คด่วน ลดกังวลอาการโควิด เปิดเช็คลิสต์ 'แบบประเมินความเสี่ยงโควิด' ทำได้ที่ไหนบ้าง 'โควิด-19' กับการระบาด 'ระลอก2' และ 'ระลอกใหม่' ต่างกันยังไง?
2 ภาวะจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) เกิดจากเยื่อบุโพรงจมูก มีความไวต่อสารกระตุ้นมากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ และเจ็บคอเรื้อรังได้ ซึ่งแต่ละคนอาจมีความเฉพาะเจาะจงต่อตัวกระตุ้นต่างกัน เช่น บางคนอาจแพ้เกสรดอกไม้, บางคนแพ้กลิ่นน้ำหอม, บางคนแพ้ไรฝุ่น ซึ่ง หากเป็นโรคหอบหืดร่วมด้วย ยิ่งทำให้เจ็บคอเรื้อรังได้ง่ายขึ้น 2. 3 ไซนัสอักเสบเรื้อรัง เป็นอีกสาเหตุของอาการ เจ็บคอ เรื้อรังไม่หาย ที่เกิดจากเยื่อบุจมูกและไซนัสบวม จากการอักเสบเรื้อรัง ทำให้ต้องอ้าปากหายใจตลอดเวลา จนคอแห้ง และอาจมีน้ำมูกไหลลงคอ ทำให้ระคายคอ จนทำให้เจ็บคอเรื้อรังได้ 2. 4 ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หากมีการ ติดเชื้อ แบคทีเรียของคอบ่อย ๆ คออักเสบเป็น ๆ หาย ๆ อาจกลายเป็นทอนซิลอักเสบเรื้อรัง จนทำให้กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ, มีอาการเจ็บคอไม่หาย ร่วมกับมีอาการไอเรื้อรังได้ 2. 5 กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease, GERD) โรคกรดไหลย้อน หรือบางคนอาจเรียกสั้น ๆ ว่า โรคเกิร์ด เป็นสาเหตุของการเจ็บคอเรื้อรังไม่หายที่พบได้บ่อย เกิดจากการที่หูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (Lower Esophageal Sphincter, LES) หย่อนตัว ทำให้น้ำย่อยไหลท้นขึ้นมาในหลอดอาหาร จนมีอาการแสบร้อนกลางหน้าอก, เรอเปรี้ยว, จุกแน่นท้อง และยิ่งหากทานอาหารเสร็จแล้วนอนเลย จะทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ถึงลำคอด้านบน จนทำให้มีอาการไอแห้ง ๆ, เสียงแหบ และเจ็บคอเรื้อรังได้ 2.