ในปี 2022 ปัจจัยที่เรากำลังเผชิญดังนี้ 1. การเข้าสู่วัฏจักรของดอกเบี้ยขาขึ้น ตามการส่งสัญญาณของ Fed (แต่จริงๆ แล้ว Fed อาจจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมที่มีโอกาสเปลี่ยนไป เช่น 1. ปัญหา supply chain 2. การระบาดของไวรัส 3. ตลาดแรงงาน) 2. สภาพคล่องที่เกิดจาก QE จะหมดลงในช่วงไตรมาสที่ 1/2022 3.
คุณเชื่อหรือไม่ ฝากเงินในบัญชีหุ้น ได้ดอกเบี้ยมากกว่า ฝากออมทรัพย์?? ปัจจุบัน การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์เป็นเรื่องที่ง่าย และหลายๆ คน คงจะมีบัญชีออมทรัพย์กันอยู่ ซึ่งบัญชีออมทรัพย์ให้ดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ปัจจุบัน ให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ 0. 25% คุณเชื่อหรือไม่ ถ้าคุณเอาเงินไปใส่ในบัญชีหุ้นที่ยอดเงินเท่ากัน คุณจะได้ดอกเบี้ย สูงสุด 0. 75% มากกว่าบัญชีออมทรัพย์ 3 เท่า ว้าวๆๆ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมละ เราไปดูกันว่าแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ จะให้ผลตอบแทนเท่าไหร่ และจะจ่ายดอกเบี้ยตอนไหน ถึงแม้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ก็จริง แต่ข้อเสียคือสภาพคล่อง กว่าเราจะสามารถถอนเงินในบัญชีหุ้น อาจต้องให้เวลา ถึง 2 วัน ซึ่งบัญชีออมทรัพย์ สามารถถอนได้เลย ข้อมูลที่จัดทำขึ้นนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจนักลงทุน ในการวางแผนทางการเงินต่อไป maybank: yuanta: Country Group: nomura: bualuang: kasikorn: ktbst: เข้าสู่ระบบ
เลือกหุ้นเข้าพอร์ต วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น - อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง) Money Chat Thailand - YouTube
ปรับพอร์ตเพื่อเตรียมรับวัฎจักรเศรษฐกิจ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง นักลงทุนควรเริ่มการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมตัวรับวัฎจักรเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูงระยะยาวร่วมกับเศรษฐกิจที่โตระดับต่ำ (Stagflation) ในกรณีนี้นักลงทุนอาจเลือกลดการถือครองหุ้นที่โตช้าไปตามวัฎจักรเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่ม Laggard & Cyclical เช่น กลุ่มการเงิน หรือหุ้นยุโรป ลดการถือครองพันธบัตรและหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนต่ำและราคาลดลงหากดอกเบี้ยปรับขึ้น และเพิ่มการลงทุนที่ได้ประโชน์จากเงินเฟ้อ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นเติบโตสูง เป็นต้น 5.
เรื่อง สุนทรียา ช่างดำ อัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีขึ้นมาใกล้ 3% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรไทย และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง. ) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท. ) ส่งสัญญานการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากอัตราปัจจุบัน 1. 5% ในภาวะเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ลดการขาดทุน และธนาคารแนะลูกหนี้ต้องปรับตัว อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนอกจากเป็นข่าวร้ายของตลาดหุ้นที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่สดใสเพราะต้นทุนในการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (บจ. ) เพิ่มขึ้นฉุดแนวโน้มกำไร บจ.
3% และ 3. 5% ตามลำดับและคงคาดการณ์ตัวเลขในปี 2023-2024 ที่ระดับ 3. 5% ทั้ง 2 ปี และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราการว่างงานในระยะยาวที่ระดับ 4.
ถือหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลงแรงในช่วงต้นปี แต่เมื่อดูราคาหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในหลายกลุ่ม จะพบว่าราคาลงมาต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาในอดีตและมูลค่าพื้นฐาน และหากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย หุ้นในกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน มีส่วนแบ่งการตลาดสูง รวมถึงมีการเติบโตของรายได้และกำไรในระดับสูงจะปรับตัวขึ้นได้ดี เพราะมีคนรอซื้ออยู่มาก อย่างไรก็ตาม หากขายในช่วงนี้เพื่อรอซื้อใหม่แต่จับจังหวะผิด อาจพลาดการทำกำไรช่วงตลาดฟื้นตัวและจมอยู่กับผลขาดทุนได้ 2. ทยอยเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูก หากนักลงทุนได้มีโอกาสขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว และถือเงินสดอยู่บ้าง น่าจะทยอยเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูกที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว เช่น หุ้นกลุ่มผู้ชนะในเศรษฐกิจใหม่ ที่ราคาลงมาลึก แต่ผลประกอบการดีเกินคาด 3. เปลี่ยนการลงทุนเข้าหากลุ่มที่จะฟื้นตัวได้เร็ว สำหรับพอร์ตที่ลงทุนเต็มที่แล้ว ยังพอมีทางเลือกอีกวิธีเพื่อฟื้นพอร์ตกลับมาอีกครั้ง ด้วยการสลับกองทุน (Switching) เข้าหากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ดีกว่าการขายออกแล้วถือเงินสด เช่น ขายกองทุนที่ราคาลงไม่มากไปซื้อกองทุนที่ราคาลงมากกว่า โดยเน้นกลุ่มที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีโอกาสฟื้นตัวได้มากกว่า 4.
SCB CIO ประเมิน Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้นอีก เพื่อจัดการเงินเฟ้อ คาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0. 5% ต่อครั้ง ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า และขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 2. 25% ในปี 2565 ซึ่งจะทำให้ ECB ต้องขยับขึ้นดอกเบี้ยตามในครึ่งหลังของปี ส่วนความกังวลเรื่อง Inverted Yield Curve ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดการเงินโลก และอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ด้านการจัดสรรพอร์ตการลงทุน แนะสะสมหุ้นเวียดนามที่ยังคงมีภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และ Asian REITs รองรับแผนเปิดเมืองที่มีความชัดเจนของไทยและสิงคโปร์ พร้อมให้มีเงินสดหรือสินทรัพย์สภาพคล่อง (Neutral) ในพอร์ตโฟลิโอ ส่วนหุ้นสหรัฐฯ รอจังหวะสะสมเมื่อ Valuation เริ่มน่าสนใจ ดร.